
การรู้จักตัวเอง และวิธีเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง – การรู้จักตัวเองคือ “การรับรู้ถึงสภาวะภายใน ความชอบส่วนตัว ทรัพยากรในตัว และสัญชาตญาณของตัวเอง” – แดเนียล โกลแมน
การรู้จักตัวเอง รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองอย่างชัดเจน ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง และนำไปสู่ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) บทนี้เราจะชวนคุณไปรู้จักคนที่ใกล้ชิดคุณที่สุด ซึ่งก็คือตัวคุณเอง
นี่เป็นสรุปเนื้อหาในบทที่ 4 ของหนังสือ Search Inside Yourself (ตื่นรู้กับ Google) เขียนโดย Chade Meng Tan ซึ่งพูดเรื่องการฝึกสติ และสมาธิในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการทำฝันให้เป็นจริง โดยที่เรายังมีความสุขสุดๆ ไปพร้อมกันด้วย
บทที่ 1 ความฉลาดทางอารมณ์ คืออะไร และวิธีพัฒนา EQ ใน 2 นาที
บทที่ 2 วิธีฝึกสมาธิแบบ Google เพื่อพัฒนา EQ
บทที่ 3 ประโยชน์ของสติ และวิธีฝึกสติในชีวิตประจําวัน
บทที่ 4 การรู้จักตัวเอง และวิธีเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง
บทที่ 5 การควบคุมอารมณ์ และวิธีฝึก 5 ขั้นตอน
บทที่ 6 วิธีสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง
บทที่ 7 ความเมตตา คืออะไร วิธีสร้างความเมตตา และความเข้าใจคนอื่น
บทที่ 8 เป็นผู้นำด้วยความเมตตา และทักษะทางสังคม (จบ)
Table of Contents
การรู้จักตัวเอง
การรู้จักตัวเองทำให้เกิดความความชัดเจน เปรียบเหมือนรูปสองรูป รูปแรกคมชัด รูปที่สองเบลอ คุณใช้ประโยชน์รูปที่ละเอียดคมชัดได้มากกว่า
การรู้จักตัวเอง ประกอบไปด้วยความสามารถดังนี้
การรู้จักอารมณ์ คือ ความสามารถในการมองเห็นอารมณ์ของตัวเอง ตอนที่มันเกิดขึ้น รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร เปลี่ยนแปลงไปยังไง และตอนที่มันดับไป จากบทที่ 1 เราพบว่า ยิ่งคุณรับรู้อารมณ์ได้ชัดเจนเท่าไหร่ (โดยเฉพาะจากร่างกาย) ก็จะยิ่งช่วยยกระดับสัญญาณได้มากขึ้นด้วย
การประเมินตัวเองตามความเป็นจริง คือ รู้จุดอ่อนและจุดแข็ง ข้อจำกัด ทรัพยากรที่คุณมี รวมทั้งสิ่งที่สำคัญในชีวิตคุณ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองได้ เพราะเมื่อสิ่งที่ทำสอดคล้องกับสิ่งที่คุณให้คุณค่า ก็จะทำให้คุณอยากทำสิ่งนั้นต่อไป
การรู้จักตัวเองทำให้สมองชั้นนอก (ซึ่งควบคุมการใช้เหตุผล) ทำงานมากขึ้น ทำให้แทนที่จะปรี๊ดแตกใส่ใครบางคน ซึ่งอาจจะเป็น CEO! คุณจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ การทำให้สมองส่วนนี้ทำงานเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเรา
การรู้จักตัวเองกับความมั่นใจในตัวเอง
การรู้จักตัวเองเกี่ยวกับความมั่นใจในตัวเองด้วยองค์ประกอบง่ายๆ ดังนี้
- ถ้าคุณรู้ทันอารมณ์ตัวเอง
- สามารถมองมันอย่างเป็นกลาง
- ยอมรับจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง
- มีเป้าหมาย และสิ่งที่ให้ความสำคัญชัดเจน
- บวกกับการพอใจในตัวเอง
- จะกลายเป็นความมั่นใจในตัวเอง
เสริมสร้างการรู้จักตัวเอง
ถ้าการรู้จักตัวเองช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้ เราจะพัฒนาการรู้จักตัวเองได้ยังไง?
คำตอบ คือ การฝึกสติครับ
ลองนึกภาพจิตใจเป็นธงที่โดนลมพัดอย่างหนัก สติคือเสาที่คอยควบคุมจิตใจให้หนักแน่นอยู่ได้ อันที่จริงวิธีการทำสมาธิอย่างมีสติก็ช่วยให้คุณรู้จักตัวเองได้มากแล้ว แต่เราพบว่าการฝึกสติเป็นกิจจะลักษณะไปเลยจะยิ่งเห็นผลดีขึ้นไปอีก
การฝึกสติ 2 แบบ
- การสแกนร่างกาย
- การเขียนถึงตัวเอง
การสแกนร่างกาย
ในบทที่ 1 เราพบว่าอารมณ์เกิดชัดเจนที่ร่างกาย ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะพัฒนาการรู้จักตัวเอง คือ การดึงสติมาที่ร่างกายครับ
หลักการง่ายมาก คือให้มีสติกับร่างกายตัวเองตลอดเวลาโดยไม่ต้องตัดสิน ทุกครั้งที่คุณตั้งสติกับร่างกายได้ สมองของคุณก็จะเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย นำไปสู่การรู้จักตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าใจอารมณ์ที่ดีขึ้นด้วย
แต่ถ้าคุณชอบการฝึกแบบขั้นตอน เรามีวิธีซึ่งดัดแปลงมาจากคอร์สลดความเครียดที่ประสบความสำเร็จมากของจอน คาบัท-ซินน์ มาให้ลองฝึกกันดูด้วย
- ใช้เวลา 2 นาที นั่งสบายๆ หายใจอย่างเป็นธรรมชาติ รับรู้ถึงลมหายใจ รูจมูก หรือสิ่งอื่นๆ ที่เกิดขึ้น
- ใช้เวลา 1 นาที จอจ่อด้านบนของศรีษะ หูทั้งสองข้าง และด้านหลังของศรีษะ สังเกตความรู้สึก หรือไม่รู้สึก
- ใช้เวลา 1 นาที จดจ่อที่ใบหน้า ไล่จากหน้าผาก ดวงตา แก้ม จมู ริมฝีปาก ไปจนถึงเหงือกและลิ้น
- ใช้เวลา 1 นาที จดจ่อที่คอ ภายในลำคอ และไหล่
- ใช้เวลา 1 นาที จดจ่อหลังส่วนล่าง ส่วนกลาง และส่วนบน
- ใช้เวลา 1 นาที จดจ่อที่อกและท้อง สังเกตุเข้าไปถึงอวัยวะภายเท่าที่คุณทำได้
- ใช้เวลา 1 นาที จดจ่อทั้งตัว
- ใช้เวลา 2 นาที ตรวจจับอารมณ์อะไรก็ตามที่ผุดขึ้นมาในเวลานี้ โดยไม่ต้องตัดสิน
- ใช้เวลา 3 นาที นึกถึงเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ทำให้มีความสุข สัมผัสความรู้สึกจากอารมณ์เชิงบวกนั้น สังเกตุว่าร่างกาย ทั้งใบหน้า คอ หลัง อก หลัง รู้สึกยังไง ความเครียดลดลงรึเปล่า
- ใช้เวลา 2 นาที จดจ่อกับร่างกายหรือลมหายใจ ตามที่คุณถนัด ถ้ามีความคิดวุ่นวายเกิดขึ้น ให้ปล่อยมันไป
- ขอบคุณที่จดจ่อ
Chade-Meng Tan สนับสนุนให้คุณฝึกสแกนร่างกายครับ เพราะมันมีประโยชน์หลายด้าน อย่างแรก คือ วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ดีกว่าฝึกการมีสติในชีวิตประจำวันเพียงอย่างเดียว เพราะทำให้มีสมาธิจดจ่อไปกับร่างกายได้เต็มที่ และการจดจ่ออย่างเต็มที่นี่เองที่ทำให้สมองเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น
อย่างที่สองคือ การสแกนร่างกายทำให้คุณนอนหลับง่ายขึ้น เพราะทำให้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ บ่อยครั้งที่ร่างกายสะสมความเครียดเอาไว้เพราะคุณไม่สนใจมัน ดังนั้นการที่คุณจดจ่อกับร่างกายเท่ากับช่วยให้มันผ่อนคลาย คุณจะสแกนร่างกายในท่านอนก็ได้ เพื่อที่จะให้หลับได้ง่ายๆ
การเขียนถึงตัวเอง
นี่คือการฝึกจับความคิดที่ล่องลอยอยู่ในหัวที่มองเห็นไม่ค่อยชัด ให้ออกมาเป็นตัวหนังสือที่จับต้องได้ครับ วิธีการง่ายมากๆ และสนุกด้วย
- ให้เวลาตัวเอง 2 – 3 นาที
- เขียนอะไรก็ตามที่อยู่ในหัวออกมาทั้งหมด ไม่ต้องกังวลว่าจะอ่านรู้เรื่องรึเปล่า เพราะคุณไม่ต้องเอาให้ใครดู
- เงื่อนไขคือเขียนอย่าหยุดจนกว่าจะหมดเวลา ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็เขียนว่า “ไม่มีเรื่องจะเขียน” ไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ
วิธีนี้คุณจะได้ระบายความคิดที่วิ่งวนอยู่ในสมองลงบนกระดาษ อย่างมีสติและไม่ตัดสิน วิธีง่ายๆ นี้ช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้น ทำให้ผลการเรียนและผลการทำงานดีขึ้นด้วย
การเขียนถึงตัวเองเพื่อประเมินตัวเอง
สำหรับคนที่ต้องการฝึกเพิ่มอีกนิด เราสามารถดัดแปลงวิธีเขียนถึงตัวเองง่ายๆ เป็นการประเมินตัวเองได้ด้วย
- ใช้เวลา 2 นาที นึกถึงช่วงเวลาที่คุณแก้ปัญหาท้าทายได้ อะไรที่คุณรู้สึกว่าทำได้ดีเยี่ยม จะมีเรื่องเดียวหรือหลายเรื่องก็ได้ครับ ถ้ามีหลายเรื่อง ลองหาความเชื่อมโยงกันของพวกมันด้วยก็ได้
- พักสมองซัก 30 วินาที
- ใช้เวลา 2 นาที เขียนถึงตัวเองว่า สิ่งที่ทำให้คุณพอใจคือ
- ใช้เวลา 2 นาที เขียนถึงตัวเองว่า จุดแข็งของคุณคือ
- ใช้เวลา 2 นาที นึกถึงช่วงที่คุณผิดพลาด แก้ปัญหาได้ไม่ดีเลย และอยากขอโอกาสแก้ตัว นึกถึงหลายๆ เรื่องก็ได้ครับ แต่ถ้ามีหลายเรื่องให้ลองหาความเชื่อมโยงของพวกมันด้วยก็ได้
- พักสมองซัก 30 วินาที
- ใช้เวลา 2 นาที เขียนถึงตัวเองว่า สิ่งที่ทำให้คุณไม่พอใจคือ
- ใช้เวลา 2 นาที เขียนถึงตัวเองว่า จุดแข็งของคุณคือ
- จากนั้นใช้เวลาอีก 2 – 3 นาที อ่านที่คุณเขียนถึงตัวเองทั้งหมด
อารมณ์ไม่ใช่ของคุณ
ถ้าคุณฝึกสติจนถึงระดับหนึ่ง คุณจะได้ความสามารถ 2 อย่าง ที่มีความสำคัญกับการควบคุมตัวเองมาก
- คุณจะเริ่มเห็นว่า อารมณ์ คือ สิ่งที่คุณรู้สึก ไม่ใช่สิ่งที่คุณเป็น คุณจะเห็นว่ามันผ่านมา แล้วมันก็ผ่านไป
- คุณจะเริ่มเห็นว่า อารมณ์ คือ สิ่งที่ร่างกายรู้สึก และจิตใจของคุณยังคงเป็นอิสระอยู่ ดังนั้นมันจะเปลี่ยนจาก “ฉันเศร้าใจ” เป็น “ฉันสัมผัสถึงความเศร้าในร่างกายตัวเอง”
ความสามารถสองอย่างนี้จะทำให้คุณค่อยๆ ตระหนักว่าอารมณ์เป็นแค่ประสบการณ์ทางกาย ไม่ใช่ของคุณ และไม่ใช่ตัวคุณเองด้วยซ้ำ คุณสามารถเลือกทางอื่นที่ไม่ต้องทำตามอารมณ์ก็ได้ เพียงแต่ต้องรับมือกับมันอย่างมีสติ
สำนักสมาธิหลายๆ แห่งให้คำเปรียบเทียบที่แอดมินชอบมากไว้ว่า อารมณ์เหมือนเมฆบนท้องฟ้า บางก้อนสีขาว บางก้อนสีดำ ขณะที่ตัวตนของคุณคือท้องฟ้า ก้อนเมฆไม่ใช่ท้องฟ้า แต่เป็นปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่เกิดแล้วดับไป อารมณ์ก็เหมือนกัน มันเป็นแค่ปรากฏการทางร่างกายที่เกิดขึ้นแล้วดับไป
แอดมินขอเสริมครับ – จริงๆ ไม่ต้องฝึกมากมายคุณก็จะเริ่มได้ความสามารถที่ว่านี้แล้วครับ เพราะผมฝึกอย่างไม่จริงจัง (แต่ก็ต่อเนื่องพอสมควร) ก็พอจะมองเห็นอารมณ์ตัวเองได้เหมือนกัน

กิตติ์ธเนศ เพชรไวกูณฐ์ นักออกแบบเกมที่สนใจเรื่องการพัฒนาตัวเอง การฝึกสติ สมาธิ การเดินทางและของกิน! ปัจจุบันเป็นเจ้าของเว็บไซต์ หมีเป็ด